ต้นกำเนิดของ ASHRAEASHRAE เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนา ระบบการทำความร้อน ระบบระบายอากาศ ระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นประกอบอาคาร (HVAC&R) โดยถูกก่อตั้งในปี 1894 ในงานประชุมวิศวกรที่ New York ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงแรกองค์กรนี้ถูกรู้จักในชื่อ American Society of Heating and ventilating Engineers (ASHVE) และได้เปลี่ยนชื่อในปีเดียวกันเป็น American Society of Heating and Air-Conditioning Engineers (ASHAE) สุดท้ายในปัจจุบันชื่อได้เปลี่ยนเป็น ASHARE โดยการรวมกันระหว่าง ASHAE กับ American Society of Refirgerating Enginerrs (ASRE) องค์กร ASHRAE ได้ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเทคโนโลยีงานระบบ HVAC&R ทั้งหมด 4 เล่ม โดยมีการอัพเดทในทุกๆ ที ได้แก่ Fundamentals, HVAC Applications, HVAC Systems และ Equipment Refrigeration นอกจากนี้ ASHRAE ยังได้มีการตีพิมพ์ มาตรฐานและแนวทางที่เกี่ยวข้องกับงานระบบ HVAC และมาตรฐานเหล่านี้เองก็มักจะถูกใช้ในการอ้างอิงในกฎหมายประกอบอาคารอยู่บ่อยครั้ง ตัวอย่างมาตรฐานที่ ASHRAE ได้ตั้งไว้
นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานอื่นๆ ที่ทาง ASHRAE ได้ออกมาตามแต่ในช่วงเวลา โดยประเมินแบ่งไปตามมาตรฐานของ ASHRAE และองค์กร U.S. Department of Energy's (DOE's) ได้ออกกฎหมายที่ชื่อว่า "Building Energy Code 101" ที่จะกล่าวถึงการประหยัดพลังงานโดยอ้างอิงจากมาตรฐานของ ASHRAE บางส่วนนั่นคือ
การประเมินอาคารตามมาตรฐานอาคารที่ผ่านการประเมินมาตรฐานจะได้รับใบรับรอง Building Energy Assessment Professional (BEAP) โดยมาตรฐานนี้จะออกให้โดยผ่านความร่วมมือกันระหว่าง ASHRAE's Building Energy Quotient(bEQ), IESNA, NIBA, SMACNA และ TABB โดยจุดประสงค์ที่ออกใบรับรองก็เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ลักษณะอาคาร ชี้แจงถึงผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ประเมินแนวทางแก้ไข และวัดผลการใช้งานพลังงาน ตัวอย่างมาตรฐานในการได้ใบรับรองในด้านต่าง ๆ
ระบบระบายอากาศคืออะไร ?การระบายอากาศ เป็นสิ่งจำเป็นในทุกๆ บ้าน อาคาร และยังรวมถึงอุตสาหกรรม เพราะการระบายอากาศเป็นการทำให้อากาศภายในอาคารมีการหมุนเวียน ถ่ายเทอุณหภูมิ ระบายกลิ่น ฝุ่นละออง มลพิษ ผ่านช่องทางเข้า - ออก และเติมอากาศที่ดีเข้าไปภายในอาคาร ซึ่งถ้าเป็นภายในบ้านพักอาศัยก็มีเพียงหน้าต่าง พัดลม พัดลมดูดอากาศ ก็สามารถระบายอากาศได้ดีแล้ว แต่สำหรับอาคารปิด ตึกสูงหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ นั้นจะแตกต่างกันออกไป โดยจะต้องใช้ระบบระบายอากาศที่ซับซ้อนขึ้นช่วยในการนำเข้าและระบายอากาศออกสู่ภายนอก ซึ่งระบบระบายอากาศสำหรับอาคารปิดหรือโรงงานอุตสาหกรรม อาจจะใช้ระบบท่อลม หรือพัดลมในการช่วยระบายกาศ และนอกจากจะมีการนำอากาศเข้าสู่อาคารและก้ต้องมีการระบบที่รองรับการระบาย และถ่ายเทอากาศออกจากอาคารด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การระบายอากาศออกถ้าหากว่าอากาศดังกล่าวมีฝุ่นหรือมลพิษก็จำเป็นต้องมีการกำจัดออกก่อนระบายออกสู่ด้านนอก ตามกฎหมายความคุมด้านสิ่งแวดล้อม วิธีการออกแบบระบบระบายอากาศให้มีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างของระบบระบายอากาศ
ท่ออลูมิเนียมฟอยล์ คืออะไรท่ออลูมิเนียมฟอยล์ เป็นท่อลมชนิดหนึ่งที่ออกแบบมาใช้เพื่อระบายอากาศภายในอาคาร ใช้กำจัดควันพิษภายในโรงงาน และบ้านพักอาศัย รวมถึงห้องครัวที่จะมีอากาศความร้อนและควันเป็นปริมาณมาก โดยท่อชนิดนี้ผลิตจากอลูมิเนียมฟอยล์เสริมแรงด้วยขดลวดสปริง จึงมีความยืดหยุ่น จัดโค้งงอได้ดี เหมาะสำหรับระบบระบายอากาศที่มีแรงดันต่ำถึงสูง เช่นโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ แผงวงจรไฟฟ้า ท่อดูดฝุ่น ดูดควัน ไอเสีย อาคารสำนักงาน และบ้านพักอาศัย สามารถทนอุณหภูมิได้ -20°C ~ 120°C ประโยชน์ของการใช้งานอลูมิเนียมฟอยล์
คุณสมบัติของท่ออลูมิเนียมฟอยล์
ท่อผ้าใบ ท่อลมผ้าใบ นั้นคืออะไรท่อผ้าใบ เป็นท่อสำหรับระบายอากาศชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ มีความยืดหยุ่น นำหนักเบา โค้งงอได้ตามต้องการ แต่จริงๆ แล้วท่อผ้าใบยังมีอยู่ในหลายประเภท ซึ่งยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอีกด้วย ประเภทของท่อผ้าใบ1. ท่อผ้าใบสีฟ้า
เป็นท่อที่ได้รับการผลิตจากผ้าใบทาร์โพลีนเส้นใยไฟเบอร์ แล้วเคลือบด้วย พีวีซีผสมสารกันไฟลาม มีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ด้านในมีขดลวดโลหะ เส้ยใยไฟเบอร์กลาส แต่มองจากด้านนอกจะไม่เห็นขดลวดด้านใน ท่อชนิดนี้ รับแรงดันลมได้ 15 ปอนด์ และรับอุณหภูมิได้ -20°C ~ 120°C 2. ท่อผ้าใบสีดำ เป็นท่อที่ได้รับการผลิตจากผ้าใบทาร์โพลีนเส้นใยไฟเบอร์ และเคลือบด้วยพีวีซี และสารกันไฟลาม มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ภายในประกอบด้วยขดลวดโลหะ ท่อชนิดนี้ทนอุณหภูมิได้ถึง 180°C และความเร็ว 33 เมตร/ วินาที 3. ท่อผ้าใบสีส้ม ท่อผ้าใบสีส้ม หรือท่อลมร้อนไฟเบอร์เคลือบซีลิโคน ผลิตจากผ้าใบซิลิโคน (M9) ทั้งหมด 2 ชั้น และเคลือบด้วยเส้นใยแก้วไวตั้น (M2 Viton) ภายในมีทองแดงขดลวดสปริง คุณสมบัติของท่อชนิดนี้คือ มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อแรงต้านทาน ทนอุณหภูมิได้สูง ตั้งแต่ -80°C ~ 310°C มารู้จักกับท่อลมก่อนสำหรับอาคารปิด หรืออาคารขนาดใหญ่ อาทิเช่นตึกอาคารสำนักงาน อาคารที่มีชั้นใต้ดิน ห้างสรรพสินค้า รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม การวางระบบท่อลมนั้นมีความจำเป็นมาก เนื่องจากระบบท่อลมนี้จะเป็นเส้นทางการเดินทางของอากาศภายในอาคาร ดังนั้นถ้าหากไม่มีการวางระบบการเดินลมได้ดีพอ จะส่งผลทำให้อากาศสามารถระบายได้อย่างไม่สะดวก ประเภทของท่อลมอุตสาหกรรม1. ท่อผ้าใบ ท่อผ้าใบผลิตขึ้นจาก ผ้าใบคุณภาพสูงและภายในท่อก็ยังมีขดลวดโลหะ จึงทำให้มีความแข็งแรงมากขึ้น คุณสมบัติของท่อผ้าใบคือ มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา โดยในท้องตลาดที่จะพบเห็นได้บ่อย คือ ท่อผ้าใบสีส้มเคลือบซิลิโคน ท่อผ้าใบสีฟ้า และท่อผ้าใบสีดำ โดยที่แต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป 2. ท่อลมอ่อนอลูมิเนียมฟอยล์ หรือท่อฟอยล์ เป็นท่อที่ผลิตจากอลูมิเนียมฟอยล์แต่จะมีความหนาและทนทานกว่า ฟอยล์ถนอมอาหารมาก จึงมีความทนทานกว่า โดยท่อชนิดนี้มักนำไปใช้เพื่อการระบายความร้อน หรือระบายควัน พบเห็นได้บ่อยตามโรงงานอุตสาหกรรมและร้านอาหาร ข้อดีของท่อชนิดนี้คือ มีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่น เคลือนย้ายง่าย 3. ท่อดูดฝุ่นหรือท่อระบายอากาศ เป็นท่อที่ผลิตจากพลาสติก ไม่ว่าจะเป็น PVC , PU และอื่นๆ เป็นท่อที่มีโครงสร้างที่แข็งแรงและเสริมด้วยขดพลาสติก ไม่มีสารพิษ เหมาะสำหรับใช้ส่งของเหลว เครื่องดื่ม และยังนำมาใช้ในการดูดฝุ่น ดูดเม็ดพลาสติกได้อีกด้วย ประโยชน์ในการติดตั้งท่อลม
วิธีการเลือกใช้ท่อลมอุตสาหกรรมให้ถูกต้องตรงตามความต้องการก่อนที่เราจะเลือกซื้อท่อลมอุตสาหกรรมที่จะใช้ในการติดตั้งจะต้อง ศึกษาถึงความต้องการที่จะใช้งานก่อนเพื่อให้ได้ท่อที่สามารถใช้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการในการใช้งาน ทำให้ท่อทำงานได้โดยไม่ติดขัดและยืดอายุการใช้งานของท่อและอุปกรณ์ ประหยัดพลังงาน และยังทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไม่สูงเกินไป โดยท่อแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีสิ่งที่ต้องตรวจสอบดังนี้
|
ArchivesCategories |